รู้ทันเหลี่ยมศัลยแพทย์ ในวงการศัลยกรรมความงาม


รู้ทันเหลี่ยมศัลยแพทย์ ในวงการศัลยกรรมความงาม  
UNSEEN! รู้ทันเหลี่ยมศัลยแพทย์ ในวงการศัลยกรรมความงาม

โดยนายแพทย์จุฑา จันทร์ศรี

   * ปัจจุบัน การทำศัลยกรรมตกแต่งเพื่อปรับปรุงบุคลิกภาพ เป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางว่าได้ผลจริง ปลอดภัย คาดคะเนได้ และถาวร ไม่เพียงบ้านเรา แต่ทั่วทั้งโลก เป็นคุณความดีของครูบาอาจารย์ทั้งหลายในอดีต ที่สั่งสมความดีมาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็เป็นเรื่องปกติ เหมือนกรณีอื่นๆ ที่ย่อมมีการกลายพันธุ์ไปบ้างเมื่อเวลาผ่านไป ในท่ามกลางความสำเร็จของการผ่าตัด ก็เป็นที่ยอมรับกันว่ามีคนไข้ส่วนหนึ่ง เป็นจำนวนไม่น้อยที่ได้ผลไม่ตรงตามที่ต้องการ หรือมีข้อแทรกซ้อนเกิดขึ้น ซึ่งพวกเราทุกคนย่อมเคยพบมา ไม่โดยตรงก็โดยอ้อม วันนี้ เราลองมาคุยกันในบางแง่มุมที่ไม่ค่อยเป็นที่เปิดเผยนัก เผื่อว่าจะช่วยให้หลายคนเข้าใจถึงสาเหตุ และตาสว่างขึ้น

   * ศัลยกรรมราคาแพง น่าจะดีกว่าหรือไม่
     โดยพื้นฐานการตั้งราคาสุทธิในแต่ละการผ่าตัดจะประกอบด้วยค่าวัสดุอุปกรณ์และ ค่าแพทย์ ต้นทุนค่าวัสดุอุปกรณ์ในประเทศไทยทั้งประเทศ ก็จะเท่าๆ กันไม่ว่าที่ไหน แต่ราคาขายจะไม่เท่ากัน เช่นในคลินิกก็ถูกกว่าในโรงพยาบาล, รพ.เกรดบีก็จะถูกกว่าในรพ.เกรดเอ ตัวอย่างที่เห็นชัด ก็ลองดูที่ค่าห้องพักซิครับ ที่ราคาถูกๆ ก็แค่สองพันกว่า ที่แพงๆ อาจถึงหมื่นต่อคืน ราคากลางๆ ส่วนใหญ่ก็ประมาณห้าพัน พอเห็นลางๆ หรือยังครับ ส่วนค่าแพทย์ยิ่งแล้วใหญ่ เรียกว่าตั้งกันตามอารมณ์เลยล่ะ ลองดูตัวอย่างง่ายๆ เช่นการเสริมจมูกก็แล้วกัน ไม่ว่าจะทำในคลินิกหรือในรพ.ก็จะมีต้นทุนไม่ค่อยแตกต่างกันมาก เพราะเป็นการผ่าตัดเล็ก ใช้ยาชาเฉพาะที่ เข็ม หลอดฉีดยา และอุปกรณ์ไม่มาก แต่มีการตั้งราคาในแต่ละสถานที่แตกต่างกันอย่างมาก ตั้งแต่ 6-7000 ในคลินิกทั่วๆ ไป จนถึง 6-70,000 ในคลินิกไฮโซบางแห่ง และอาจเกินแสน ถ้าดูว่าจะทำยากหรือเป็นการแก้ไข ในรพ.บางแห่งตกลงกันที่ 25,000 แต่พอคนไข้มีเงื่อนไขขอดูวิธีการผ่าตัดด้วย ก็เพิ่มราคาเป็น 45,000 ก็มีมาแล้ว ซ้ำยิ่งกว่านั้น ศัลยแพทย์หลายคนจับจุดลูกค้ากลุ่มหนึ่งได้ว่า ยังยึดหลักในค่านิยมยื่งแพง ยิ่งน่าจะดี ถ้าถูก จะดีได้ไง ก็เลยไปกันใหญ่ ซึ่งในทางตรงข้าม มีอาจารย์แพทย์ท่านหนึ่ง ซึ่งมีชื่อเสียงระดับโลก มีลูกศิษย์ที่เป็นศัลยแพทย์ตกแต่งอยู่ค่อนประเทศ ตั้งราคาแค่ 8,000 เป็นสิบปี และเพิ่งจะปรับราคาเมื่อไม่นานมานี้เอง คุณคิดว่าราคากับคุณภาพ มีความสัมพันธ์กันอย่างไร...ไม่มีเลย และที่อยากจะบอกก็คือศัลยแพทย์ที่มีความยุติธรรม พอเพียง ไม่เอาเปรียบคนไข้ และตั้งใจทำงาน ยังมีอยู่ครับ

   * แล้วจะมั่นใจการผ่าตัดได้อย่างไร?
     ในมุมมองของผู้ที่กำลังตัดสินใจที่จะเข้ารับการผ่าตัด คงไม่คิดอะไรมากไปกว่าความมั่นใจ ถึงผลการผ่าตัดที่ประสบผลสำเร็จ ดีดั่งตั้งใจ ไม่มีผลข้างเคียง ซึ่งคงไม่มีทางอื่น นอกจากเลือกให้ดี แล้วจะเลือกอย่างไร?
     ปัจจัยที่สำคัญที่สุด ก็คงเป็นการเลือกศัลยแพทย์ผู้ผ่าตัดล่ะครับ เพราะจะเป็นผู้เนรมิตผลการผ่าตัด ว่าจะดีแค่ไหน โรงพยาบาลหรือคลินิก เป็นเพียงผู้ที่จะมารับผิด หรือรับชอบในภายหลัง ถ้าผลลัพธ์ดีก็ได้เครดิตไป ถ้าไม่ดีก็จะมาร่วมแก้ปัญหา เพราะในการผ่าตัดแต่ละอย่าง ไม่ได้ทำในนามคณะกรรมการนะครับ ที่จะมีการประชุม พิจารณาอย่างถี่ถ้วน แล้วจึงออกเป็นมติออกมา แต่เป็นแบบศิลปินเดี่ยวนะครับ ดีหรือไม่ดี อยู่ที่ตัวเองเลย เพื่อนแพทย์ร่วมแผนกเดียวกันยังไม่รู้ด้วยเลย จนกว่าจะนำสิ่งที่เกิดขึ้นมาคุยกันในที่ประชุม และวิเคราะห์ร่วมกันในภายหลัง ซึ่งไม่สามารถย้อนสิ่งที่ผ่านแล้วได้
     ดังนั้น ควรเลือกศัลยแพทย์โดยเจาะจงเลย ครับ ดีที่สุด อย่าไว้ใจในสถานที่ เพราะสถานที่ไม่ได้เป็นผู้ผ่าตัด ยิ่งเป็นสถานที่ใหญ่ มีศัลยแพทย์หลายท่าน แน่ใจได้อย่างไรว่าทุกท่านมีฝีมือเท่ากัน ...ปัดโธ่ นิ้วมือยังไม่เท่ากันเลย จริงแมะ

   * เลือกสถานที่ที่มีศัลยแพทย์หลายท่าน ดีกว่าไหม?
     ก็ต้องถามท่านก่อนว่า ที่คลินิกหรือโรงพยาบาลแห่งนั้น ถึงแม้ว่าจะมีศัลยแพทย์เป็นสิบ แต่ท่านจะเข้าพบเพื่อปรึกษากี่ท่าน ตอบได้เลยว่า ท่านเดียว ถ้าพอใจก็รับการผ่าตัดกับศัลยแพทย์ท่านนั้น ถ้าไม่ถูกใจก็เดินออกจากรพ.เลย โอกาสที่ท่านจะเข้าประตูโน้น ออกประตูนี้ เหมือนกำลังช้อปปิ้งในห้าง เป็นเรื่องผิดวิสัย ไม่ค่อยมีใครทำกัน เพราะอายชาวบ้านที่ดูอยู่เยอะแยะ พยาบาลก็คงรู้สึกไม่ปกติกับคุณที่ได้รับคำตอบแล้ว ยังจะหาคำตอบอื่นอีก รวมทั้งศัลยแพทย์เองก็จะได้รับการเตือนว่า คนไข้ผ่านห้องโน้นมาแล้ว ควรจะพูดไม่ให้ขัดแย้งกัน สรุปก็คือ สถานที่นั้น ถึงแม้จะมีศัลยแพทย์เยอะแยะ แต่ไม่ค่อยมีประโยชน์ต่อเราสักเท่าไร เพราะเราจะได้พบเพียงท่านเดียว และถ้าพูดถึงการผ่าตัด ก็ยิ่งแล้วใหญ่ มีศัลยแพทย์ท่านเดียวเท่านั้นที่จะรับผิดชอบเรา
     ประโยชน์ที่แท้จริงของการมีศัลยแพทย์หลาย ท่าน ก็อยู่ที่โรงพยาบาลเท่านั้น คือสามารถได้รายรับเพิ่มขึ้น ในเวลาเดียวกัน คือบริการคนไข้ได้พร้อมๆ กันหลายๆ คน
     ในทางกลับกัน อาจพูดได้ว่าเราจำกัดตัวเองในการเลือกศัลยแพทย์ ไม่กี่คน ณ โรงพยาบาลนั้นๆ แทนที่จะเลือกได้อย่างไม่มีข้อจำกัดในคลินิก หรือโรงพยาบาลอื่นๆเป็นร้อย ยอดฝีมือที่แท้จริงไม่ค่อยอยู่รวมกันหรอกครับ มันจะขบเหลี่ยมกัน ที่ยังอยู่ด้วยกัน ก็ต้องลู่ตามลมตามๆกันบ้าง ดังนั้น ถ้าท่านยังไม่พบคำตอบ หลังพบศัลยแพทย์ห้องหนึ่งแล้ว จะหวังความแตกต่างในห้องถัดไปก็คงไม่ง่ายแล้วล่ะ





 ความคิดเห็นที่ 1
* ควรเลือกศัลยแพทย์อย่างไร
     การผ่าตัดเป็นผลรวมของความใส่ใจของศัลยแพทย์ในหลายๆด้าน ตั้งแต่แรกพบ ผ่าตัด แนะนำระหว่างการพักฟื้น รับฟังปัญหาที่สงสัย คลายความกังวลระหว่างที่ยังไม่หายสนิท และทุกๆอย่างจนจบการรักษา ดังนั้น พอมองออกหรือยังครับ ว่าศัลยแพทย์ที่เราควรเลือกจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ...ลองดู ดังต่อไปนี้
     1. ให้คำปรึกษาแบบรอบด้าน สามารถเข้าใจปัญหาของเราได้ตรงกับที่เราคิด วิเคราะห์ต้นเหตุและแนะนำแนวทางแก้ไขได้แบบมีเหตุผล แจ่มแจ้ง และให้ทางเลือกแก่เรา ยิ่งมีทางเลือกให้เรามาก ยิ่งแสดงถึงภูมิความรอบรู้ สามารถบอกได้ถึงข้อดีและข้อเสียของแต่ละวิธี เพราะศัลยแพทย์ที่ไม่ค่อยมีประสบการณ์จะรู้แต่วิธีผ่าตัดในแต่ละปัญหา แต่จะไม่ค่อยรู้ข้อด้อยของวิธีนั้นๆ เช่น อยากทำตาสองชั้นก็ทำ พอไม่สวยเพราะหางตายังตก ก็ให้ดึงคิ้วต่อ อยากหายตกด้วยต้องดึงเพิ่ม เรียกว่าเจอปัญหา ค่อยแก้ทีละอย่าง
     2. รอบรู้ในเทคนิคหลายแบบ การรู้หลายๆเทคนิคย่อมหมายถึงประสบการณ์ที่หลากหลาย สามารถหลอมรวมสื่งที่ดีที่สุด กลั่นกรองมาใช้ในการผ่าตัด เพื่อผลที่ดีที่สุด เช่น ในการตัดมุมกราม ศัลยแพทย์บางท่านผ่าตัดด้านนอกอย่างเดียว ไม่ผ่าตัดด้านใน หรือสามารถการผ่าตัดด้านใน แต่ไม่รู้ว่าทำอย่างไรจึงจะเรียวแบบเนียนๆไม่สะดุดเหลี่ยม และเรียวในท่ามองตรงด้วย ซึ่งทำให้เราเสียโอกาส ...แต่จะมีสักกี่คนที่จะบอกในสิ่งที่ตัวเองทำไม่ได้ หรือทำได้ แต่ไม่ดี
     3. ให้เวลาเราตามสมควร เมื่อศัลยแพทย์ให้เวลาเราเล่าปัญหา และตั้งใจรับฟัง ก็จะมีเวลาคิดสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อเรา รวมทั้งมีเวลาให้เราเข้าใจในแผนการผ่าตัด ทำให้เราสามารถดูแลตัวเองได้ถูกหลัก มีโอกาสที่จะลดผลแทรกซ้อน และได้ผลดีเท่าที่จะดีได้ ...ถ้าเจอศัลยแพทย์ที่ตรวจเรารีบๆ ลวกๆ ก็เตรียมเผ่นดีกว่าครับ
     4. มีดีไซน์ ถ้าศัลยแพทย์สามารถเลือกวิธีผ่าตัดที่สามารถตอบปัญหาเราได้ทุกข้อ สามารถคาดคะเนได้ว่าจะได้ผลตรงกับที่เราต้องการ ก็แสดงว่ามีความรู้ความสามารถที่แท้จริง แต่มีข้อแม้ว่า ทำได้อย่างที่พูดด้วย...ไม่ได้โม้
     5. คุณวุฒิ เป็นองค์ประกอบพื้นฐานเฉยๆ ไม่ได้การันตีผลการผ่าตัดใดๆทั้งสิ้น เนื่องจากในฝูงแกะขาว ย่อมจะมีแกะดำทั้งสิ้น แต่จะมีความหมายว่า ถ้ามีปัญหาศัลยแพทย์ท่านนั้นจะมีความรู้ที่จะแก้ปัญหาให้เราได้แค่ไหน เช่น ถ้าเรามีปัญหาท้องหย่อน ท้องลาย และไปปรึกษาแพทย์แผนกผิวหนัง และแพทย์ท่านนั้นก็แนะนำให้ดูดไขมันหน้าท้อง พร้อมบอกว่าจะใช้เครื่องมืออัลตราซาวด์กระตุ้นผิวให้เต่งตึง ไม่หย่อนยาน พร้อมกันไปด้วย ฟังดู ก็มีเหตุผลดีนะ แต่พอ ดูดไขมันหน้าท้อง ถ้าความหย่อนยังไม่หายไป หรือซ้ำหนักกว่าเดิม จะทำอย่างไร อายุรแพทย์ผิวหนังย่อมไม่สามารถผ่าตัดกระชับหน้าท้องได้ นั่นก็คือ สิ่งที่เราควรรู้ ก็คือ ศัลยแพทย์ที่เราจะเลือกเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านใด ซึ่งในวงการศัลยกรรมความงาม ก็มีหลายสาขาที่ทำการผ่าตัดอยู่เช่น ศัลยแพทย์ตกแต่ง, ศัลยแพทย์ทั่วไป, ศัลยแพทย์หู คอ จมูก, จักษุแพทย์,อายุรแพทย์ด้านผิวหนัง,เป็นต้น รวมทั้งที่ไม่จบอะไรเลย แต่ไปดูโน่นนิด นี่หน่อย แล้วมาหัดเอาจากคนไข้
     คำถามสำหรับเราก็คือ ถ้าคุณวุฒิของศัลยแพทย์ที่คิดจะเลือก ไม่สามารถอ้างอิงได้ คือไม่เข้าเกณฑ์นั่นแหละ แต่เรามีความเชื่อมั่นและศรัทธา จะโดยเพื่อน หรืออะไรก็แล้วแต่ จะเลือกอยู่มั้ย
     ...ก็คงให้พิจารณาเอง เช่น ระหว่างศัลยแพทย์ที่เรียนรู้แบบครูพักลักจำ มีประสบการณ์ยี่สิบปี กับศัลยแพทย์ตกแต่ง ที่จบจากสถาบันที่มีชื่อเสียงมาสองปี ...เลือกยากนะ เอาข้ออื่นมาช่วยเถอะครับ
     6. มีความประณีตในการผ่าตัด ถึงแม้เราจะไม่เห็นศัลยแพทย์ว่าผ่าตัดเราอย่างไร แต่เราจะพอสังเกตุโดยอ้อมได้ โดยคร่าวๆ เช่น เสร็จเร็ว อาจไม่ได้แปลว่าเก่ง อาจจะชุ่ยหรือไม่ประณีต,เสร็จช้า อาจมีปัญหาระหว่างผ่าตัด,บวมช้ำมาก อาจแปลว่า เพิ่งหัดทำ หรือมีประสบการณ์น้อย ,รอยเย็บยู่ยี่ เป็นก้อนๆ มัดๆ ไม่เรียบร้อย แปลว่าไม่ใส่ใจในวิธีผ่าตัด สักแต่ว่าทำให้เสร็จๆ ไป หรืออื่นๆ แต่ต้องอ้างอิงถึงค่าเฉลี่ยทั่วๆ ไปด้วยนะครับ ว่ามาตรฐานทั่วไปเป็นอย่างไร จะให้ดี ควรเทียบกับมาตรฐานโลก เช่นในอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลี จะได้ความแน่นอนกว่า เพราะให้ความสำคัญกับผลงานมากกว่าเวลา และศัลยแพทย์ของไทยเราที่ไม่อยากผ่าตัดนานๆ ก็มีอยู่ไม่น้อย อาจจะด้วยหลายๆเหตุผล เช่น ไม่อึด, ทำนานจะเปลืองและไม่คุ้มค่าแรง, โรงพยาบาลบีบเพราะผ่าตัดนานจะเพิ่มค่าใช้จ่ายที่เหมามา, สุขภาพไม่ดี, ขี้เกียจ, ไม่รู้จะทำมากกว่านี้ได้ไง เพราะรู้แค่นี้, เสร็จเร็ว ก็กำไรมากขึ้น,จะรีบไปทำคนไข้รายที่รออยู่ต่อไป, สุดท้าย ก็คือเหตุผลง่ายๆ ที่ทำเสร็จในเวลาไม่นาน และได้ผลไม่ดี ก็คือ...ชุ่ย

   * คลินิกมือปืนรับจ้าง!
     หมายถึงคลินิกที่ไม่มีศัลยแพทย์อยู่อย่างแท้จริง มีเพียงแพทย์ทั่วไป หรือแพทย์ผิวหนัง หรือเจ้าหน้าที่ประจำสาขา หรือเจ้าของร้านเป็นผู้รับหน้าคนไข้ รับทราบความต้องการศัลยกรรม และอธิบายเรื่องต่างๆ ได้เป็นฉากๆ ประหนึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญที่จะทำการผ่าตัดให้ รวมทั้งให้คำรับรองแบบเริดหรู ชนิดศัลยแพทย์ตัวจริงต้องอายเลยแหละ แล้วก็ค่อยนัดศัลยแพทย์และคนไข้มาเจอกันสั้นๆ ก่อนผ่าตัดซึ่งได้ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว หรือไม่ก็ที่เตียงผ่าตัดเลย เสร็จแล้วก็อาจไม่จำเป็นต้องเจอกันอีก มีคนตรวจหลังผ่าตัดให้เสร็จสรรพ แบบนี้สังเกตุได้ง่ายตรงที่ มีหลายประเภทการบริการอยู่ด้วยกัน เช่น เสริมสวย แต่งเล็บ นวดหน้า ขัดสมุนไพร ลดน้ำหนัก ดูแลผิวพรรณ หรือแม้แต่เป็นคลินิกผิวพรรณโดยตรง แต่มีบริการทางด้านศัลยกรรมด้วย โดยเฉพาะที่มีหลายๆ สาขา คงไม่ต้องสาธยายมาก ชื่อดังๆ ทั้งนั้น

   * คลินิก VS โรงพยาบาล
     ถ้าในต่างประเทศ เช่น อเมริกา เกาหลี ญี่ปุ่น คำตอบจะเป็นคลินิกครับ เพราะชื่อเสียงของศัลยแพทย์เป็นตัวเลือกอันดับแรกๆ แบบที่กำลังแนะนำนี่ล่ะครับ การผ่าตัดในโรงพยาบาลจะมีราคาโหดมากๆ จะทำเฉพาะที่มีอัตราเสี่ยง หรือจำเป็นจริงๆ ยังไงๆ ราคาในคลินิกก็จะถูกกว่า ยิ่งถ้าเป็นคลินิกที่มีมาตรฐานเทียบเท่าโรงพยาบาล ก็แทบจะไม่มีความแตกต่างในการรักษา แต่ในประเทศไทย ราคาในโรงพยาบาล ซึ่งถึงแม้จะแพงกว่าคลินิก แต่ก็ไม่โหดเท่าไร ยังพอรับได้ การผ่าตัดใหญ่จึงยังนิยมกัน เพราะโอ่โถง สะดวกสบายกว่า และพักได้หลายวัน แต่ในปัจจุบัน คลินิกบ้านเราก็กำลังยกมาตรฐานขึ้นเรื่อยๆ มีหลายแห่งที่ท่านไม่สามารถแยกความแตกต่างได้เลย เพราะใช้เครื่องมือแบบเดียวกันเป๊ะ แต่ต้องค้นหากันเองนะครับ
     ในกรณีผ่าตัดเล็ก เช่นเสริมจมูก ตาบน ตาล่าง เสริมคาง เป็นต้น นอกจากเรื่องราคาแล้ว คุณภาพไม่มีความแตกต่างใดๆเลย ระหว่างคลินิกและโรงพยาบาล เพราะใช้แค่ห้องผ่าตัดและศัลยแพทย์เท่านั้น ในขณะเดียวกัน มีบริการหลายอย่างที่ในคลินิกมีความคล่องตัวกว่า ไม่คิดค่าบริการเพิ่มเหมือนในโรงพยาบาล เช่น เกี่ยวกับการช่วยให้หลับระหว่างผ่าตัดโดยไม่เจ็บ การตรวจความปกติของค่าอ็อกซิเจนระหว่างหลับ การตรวจคลื่นหัวใจ ฯลฯ ทั้งนี้ หมายถึงคลินิกที่มีมาตรฐานสูงเท่านั้นนะครับ มาตรฐานต่ำไม่เกี่ยว ส่วนวิธีดูก็ง่ายนิดเดียว ก็ดูในห้องผ่าตัดนั่นแหละครับ ถ้าเครื่องมือพร้อม สะอาด เป็นระเบียบเรียบร้อย ก็โอเค ขอดูได้ตอนปรึกษานั่นแหละ

   * ราคาเหมาจ่าย
     การมีราคาเหมาจ่ายมีเป้าหมายเดียวคือเพื่อการตลาด ช่วยให้คนไข้ตัดสินใจง่ายขึ้นตามกำลังทรัพย์ที่มี แต่ทุกอย่าง เมื่อมีจุดเด่น ก็ย่อมจะมีจุดด้อย นั่นคือต้องควบคุมค่าใช้จ่ายให้เหมาะสม เดี๋ยวขาดทุน
     ในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ เรามั่นใจได้อย่างเดียวคือ ความมีมาตรฐาน ไม่ทำอะไรนอกลู่นอกทาง แต่ไม่ได้หมายถึงความเป็นเลิศทางฝีมือนะครับ ยิ่งเป็นโรงพยาบาลที่ใช้ราคาเหมาจ่าย ยิ่งน่าเป็นห่วงสำหรับคนไข้ เพราะรายรับคงที่ ต้องควบคุมรายจ่าย ผ่าตัดประณีตมากก็ไม่ได้ เพราะการใช้เวลาจะเท่ากับเพิ่มค่าใช้จ่าย เพิ่มต้นทุน ลดผลกำไร ตัวอย่างเช่น ในโรงพยาบาลด้านความงามขนาดใหญ่ที่ดังมาก มีหัวหน้าแผนกศัลยกรรมตกแต่งสามารถทั้งตรวจ ทั้งผ่าตัด เสริมจมูก ตาบน ตาล่าง ฯลฯ ได้กว่า 30 ราย ในเวลาไม่ถึง 9 ชั่วโมง ในขณะที่ศัลยแพทย์ตกแต่งในประเทศเกาหลี ที่บ้านเราช้อบชอบ ใช้เวลาผ่าตัดตา หรือเสริมจมูก ไม่รวมการตรวจ ประมาณ 1-2 ชั่วโมงต่อราย ก็ลองพิจารณาดูว่า บ้านเราประณีตกว่าบ้านเค้าซักแค่ไหน
     นั่นคือ แนวทางการจัดการทางด้านศัลยกรรมความ ที่ใช้ราคาเหมาจ่ายของโรงพยาบาลขนาดใหญ่ก็คือ โฆษณาหาคนไข้ให้มากที่สุด สั่งการให้ศัลยแพทย์ผ่าตัดโดยใช้เวลาเร็วๆ พูดง่ายๆ คือไม่ต้องพิถีพิถันมาก ใช้เวชภัณฑ์แบบประหยัด งดใช้ของที่มีต้นทุนสูง เพื่อผลกำไรสูงสุด เพราะต้นทุนของโรงพยาบาลที่ต้องส่งดอกเบี้ย อย่างน้อยก็ต้องขึ้นหลักพันล้านบาท ถ้าบอกว่าจะบริการโดยไม่เอากำไรมาก ...อมวัดมาพูด ก็ไม่เชื่อ!
     การใช้ราคาเหมาจ่าย จะพอฟังได้ก็ในกรณีที่ควบคุมต้นทุนได้แน่นอน เช่น ศัลยแพทย์มีคนเดียว คาดคะเนวิธีและผลการผ่าตัดได้ และเป็นผู้กำหนดราคาเหมาจ่ายเอง การคำนวณไม่มีตัวแปรมาก ไม่ต้องใช้เงินคนไข้ส่งดอกเบี้ยสำหรับตึกราคาพันล้าน ประกอบกับใช้หลักการเลือกศัลยแพทย์ข้างต้น น่าจะให้ความมั่นใจการผ่าตัดกับเราได้ดีกว่า

   * โดยสรุป ก็คือ ถ้าเราจะรับการผ่าตัดศัลยกรรมความงาม และต้องการผลที่ดีที่สุด ก็ควรจะเข้าใจความต้องการของตัวเอง และสามารถถ่ายทอดให้ศัลยแพทย์ของเราเข้าใจความต้องการนั้น และได้รับคำแนะนำที่ดีเพื่อเตรียมตัวรับการผ่าตัด และปฏิบัติตามคำแนะนำโดยเคร่งครัด เมื่อได้ศัลยแพทย์ที่ตั้งใจดูแลและผ่าตัดด้วยความประณีต รวมทั้งการดูแลตัวเองโดยเคร่งครัด จึงจะคาดหวังผลที่ดีที่สุดได้ และพึงหลีกเลี่ยงจากศัลยแพทย์ที่ไม่พึงประสงค์ ดังที่กล่าวข้างต้น

     นพ.จุฑา จันทร์ศรี
     ศัลยแพทย์ตกแต่ง



http://topicstock.pantip.com/woman/topicstock/2010/06/Q9316860/Q9316860.html